วันพฤหัสบดีที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ตะบันไฟ



จัดทำโดย


ด.ญ.ชลิตา ตุ่นสำอางค์


ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/3 เลขที่ 28



ส่ง


คุณครู พิทักษ์ สมาน



รายวิชา ประวัติศาสตร์

ประวัติความเป็นมาของตะบันไฟ  

ในสมัยโบราณ เรายังไม่มีไม้ขีดไฟใช้ เรามีวิธีการจุดไฟหลายวิธี ได้แก่การใช้ไม้แห้ง 2 แท่งมาขัดสีกัจนเกิดความร้อนถึงขั้นติดไฟได้ แต่ก็ต้องใช้เวลานาน ต่อมามีการใช้หินสองก้อนกระทบกันเกิดเป็นประกายไฟ ที่เราเรียกว่า หินเหล็กไฟ ทั้ง 2 วิธีนี้ เมื่อเกิดประกายไฟแล้วก็ต้องเอาเชื้อไฟ ได้แก่ ปุยนุ่นหรือสำลีมารองรับเพื่อให้ไฟติด   การใช้ตะบันไฟก็เป็นอีกวิธีหนึ่งซึ่งสะดวกกว่า 2 วิธีแรก ตะบันไฟ“ เป็นหนึ่งในผลผลิตจากภูมิปัญญาของชาวบ้านที่ใช้ในการจุดไฟ ตะบันไฟ เป็นเครื่องจุดไฟชนิดหนึ่ง มีชื่อเรียกแตกต่างกันไป ภาคกลางเรียกว่า ตะบัน ไฟ ภาคใต้เรียกว่าเหล็กตบไฟ ภาคเหนือเรียกว่า บอกยัดหรือไฟยัด ซึ่งเป็นสิ่งประดิษฐ์ พื้นบ้านที่ ทำขึ้นอย่างง่ายๆ แต่แฝงภูมิปัญญาที่แยบยล ตะบันไฟมีส่วนประกอบที่สำคัญคือ ตัวตะบัน หรือกระบอกตะบัน หรือตัวเมีย ลูกตะบัน หรือตัวผู้ และเชื้อไฟ วิธีทำตะบันไฟต้องใช้ไม้เนื้อแข็งหรือเขาควาย เลื่อยผ่าออกให้เป็นแท่งยาว ประมาณ 4-5 นิ้ว กลึงให้ให้ไม้หรือเขาควายเป็นแท่งกลม ตัวตะบันไฟกลมแต่ตรงปลายเรียวแหลม ปลายอาจหุ้มด้วยโลหะ เช่น ทองแดง ทองเหลือง ดีบุก เอาไว้เขี่ยปุยเต่าร้างและช่วยให้ตะบันไฟ สวยงามด้วย ตรงกลางตัวตะบันเจาะรูกลมเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 เซนติเมตร ลึกเกือบถึง ปลาย จากนั้นทำลูกตะบันหรือตัวผู้ให้สวมเข้ากับรูได้พอดี ไม่คับหรือหลวมเกินไป ปลายลูกตะบัน เซาะร่องเล็กๆ โดยรอบใช้ด้ายหรือผ้าพันให้แน่น ทาขี้ผึ้งให้ลื่น ปลายสุดลูกตะบันเจาะรูสำหรับใส่ปุยเต่าร้าง โคนลูกตะบันมักทำเป็นแป้นกลมๆ สำหรับตบและใช้วางตั้งตะบันไฟได้ด้วย เชื้อไฟ มักใช้ปุยเต่าร้าง โดยขูดมาจากกาบของต้นเต่าร้าง เมื่อได้ปุยเต่าร้างมาแล้ว ต้องตากให้แห้ง อาจผสมกับขี้เถ้าหรือดินประสิวดิบผสมขี้เถ้า แล้วตากแดดอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้ติด ไฟง่ายขึ้น ต่อมาต้นเต่าร้างหายากจึงใช้ปุยนุ่นหรือสำลีแทน เชื้อไฟนี้จะใส่ไว้ที่ปลายลูกตะบันที่ เจาะรูไว้ การใช้ตะบันไฟหรือเหล็กไฟตบ จะต้องใช้เชื้อไฟอัดเข้าไปในรูที่ปลายลูกตะบัน แล้วใส่ลูก ตะบันเข้าไปในรูตะบัน กะให้อยู่ในระดับที่ใช้ฝ่ามือตบด้ามตะบันให้กระแทกเข้าไปได้อย่างรวดเร็ว จนเกิดระเบิดขึ้นและติดเชื้อไฟที่ปลายลูกตะบัน หลังจากตบลูกตะบันแล้วต้องรีบชักมือออกมา โดยเร็วใช้ปากเป่าลมช่วยให้ไฟลุกเป็นกอง จากนั้นอาจใช้เหล็กแหลมที่ปลายกระบอกตะบันเขี่ย เอาเชื้อไฟออกมาจุดกับเชื้อไฟอื่นก่อเป็นกองไฟ หรือนำไปจุดไฟอื่นๆ ตามต้องการ ตะบันไฟ มีรูปร่างคล้ายตะบันที่ใช้ตำหมากของคนไทยโบราณ อาศัยหลักการคล้ายลูกสูบเครื่องยนต์ดีเซล ซึ่งมีตัวตะบันเป็นกระบอก(หรือเสื้อสูบ) ทำจากเขาควายหรือไม้เนื้อแข็งเช่นไม้ชิงชัน นำมาเจาะให้เป็นรูกลม และมีลูกตะบัน (ตัวลูกสูบ) ทำจากเขาควายหรือไม้ชนิดเดียวกับตัวกระบอกมาเหลาเป็นแท่งกลมมีขนาดเดียวกับรูกระบอก แต่จะยาวกว่ารูกระบอกเล็กน้อย สำหรับตบหรือกระแทก ส่วนปลายเจาะเป็นแอ่งเพื่อบรรจุเชื้อไฟ เมื่อตบลูกตะบันเข้าไปอย่างแรงและรวดเร็ว ปริมาตรของอากาศภายในจะลดลง และความด้านจะเพิ่มขึ้น เกิดความร้อนจนทำให้เชื้อไฟติดได้



ตะบันไฟมีส่วนประกอบอยู่ 3 ส่วนคือ กระบอกตะบัน ลูกตะบัน และปุย
ระบอกตะบัน ทำมาจากเขาควายหรือเขาวัว ตัดเขายาวประมาณ 15 เซนติเมตร เลือกในส่วนปลายเขามีรูตันหรือรูเล็กๆ ฝนหรือเหลาตกแต่งให้กลมมีรูปร่างสวยงามเจาะแต่งรูให้กลมเกลี้ยง ลึกประมาณ 10 เซนติเมตร
ลูกตะบัน บางทีเรียกว่าไม้กระทุ้ง ทำด้วยเขาควายเขาวัว หรือไม้เนื้อแข็งก็ได้ ขนาดของลูกตะบันต้องเหลาให้พอดีกับรูกระบอก ปลายลูกตะบันตะบันเจาะรูเขาหรือไม้ให้เว้าลึกไปเล็กน้อยเพื่อใช้บรรจุปุย หากลูกตะบันหลวมไม่พอดีก็จะใช้ใยไหมหรือด้ายดิบพันปลายลูกตะบันแล้วทาขี้ผึ้งให้ลื่น เมื่อลูกตะบันคับกับรูกระบอกตะบันจะทำให้เกิดการเสียดสีมากยิ่งขึ้น

ปุย หรือเชื้อเพลิงทำให้ติดไฟ สมัยก่อนใช้ปุยลูกเต่ารั้ง ซึ่งมีลักษณะแห้งติดไฟง่าย ใส่ไว้ในรูปลายลูกตะบัน ต่อมาขุยเต่ารั้งหายาก จึงใช้ปุยสำลีหรือปุยนุ่นโดยจะผสมกับตะกั่วแดง ทำให้ติดไฟง่ายขึ้น 

อุปกรณ์สำคัญที่ใช้ทำตะบันไฟ คือ ขุยเต่าร้าง 

วิธีการทำด้ามตะบัน



วิธีการทำขุยเต่าร้าง



วิธีการทำตัวตะบัน



วิธีการใช้ตะบันไฟ

1. ตัวตะบันเป็นกระบอก(หรือเสื้อสูบ) ทำจากเขาควายหรือไม้เนื้อแข็งเช่นไม้ชิงชัน นำมาเจาะให้เป็นรูกลม

2. ลูกตะบัน (ตัวลูกสูบ) ทำจากเขาควายหรือไม้ชนิดเดียวกับตัวกระบอกมาเหลาเป็นแท่งกลมมีขนาดเดียวกับรูกระบอก แต่จะยาวกว่ารูกระบอกเล็กน้อย สำหรับตบหรือกระแทก ส่วนปลายเจาะเป็นแอ่งเพื่อบรรจุเชื้อไฟ หากลูกตะบันหลวมไม่พอดีก็จะใช้ใยไหมหรือด้ายดิบพันปลายลูกตะบันแล้วทาขี้ผึ้งให้ลื่น เมื่อลูกตะบันคับกับรูกระบอกตะบันจะทำให้เกิดแรงอัดมากและติดไฟง่ายยิ่งขึ้น

3. เชื้อไฟใช้ปุยต้นเต่าร้าง หรือปุยนุ่นนำผสมคลุกเคล้าเข้ากับดินประสิว ใส่ตรงส่วนปลายของลูกตะบันที่เจาะเป็นแอ่งไว้

4. เมื่อตบลูกตะบันเข้าไปอย่างแรงและรวดเร็ว ปริมาตรของอากาศภายในจะลดลง และความด้นจะเพิ่มขึ้น เกิดความร้อนจนทำให้เชื้อไฟติดได้

5. เมื่อจะใช้ใหม่ก็เอาเหล็กแหลมที่อยู่ปลายตะบันไฟขุดเอาขี้เถ้าออกจากแอ่งใส่เชื้อไฟออก

เมื่อตบลูกตะบันเข้าไปในกระบอก อย่างแรงและรวดเร็ว ปริมาตรของอากาศภายในจะลดลง และความด้นจะเพิ่มขึ้น เกิดความร้อนขึ้นทันทีจนทำให้เชื้อไฟติดได้ แล้วรีบขักออก จะเกิดไฟที่ปลายลูกตะบัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น